Pages

Wednesday, June 24, 2020

มนัส บุญจำนงค์ตำนานนักชกเพลย์บอยอัจฉริยะแห่งวงการกำปั้นไทย - สยามกีฬา

sungguhviralaja.blogspot.com
มนัส บุญจำนงค์ตำนานนักชกเพลย์บอยอัจฉริยะแห่งวงการกำปั้นไทย

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าแฟนกีฬาหลายๆท่าน คงจะสะดุดกับคลิปวิดีโอที่ "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย อดีตดาวยิงทีมชาติไทย จากสโมสรชลบุรี เอฟซี ถือโอกาสในช่วงที่ฟุตบอลไทยลีก พักเบรกหนีโควิด-19 หันมาสวมนวม แล้วซ้อมมวยอย่างจริงจัง เพื่อเตรียมขึ้นชกในศึก 10 FIGHT 10 ซีซั่น 2 รายการที่นำดารา หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง มาชกกันบนเวทีอย่างจริงจัง และคนที่เป็นเทรนเนอร์ ที่ช่วยสอนเชิงชกและล่อเป้าให้กับดาวเตะซูเปอร์สตาร์รายนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นอดีตนักชกระดับเหรียญทองโอลิมปิกอย่าง "เจ้าเติ้ล" มนัส บุญจำนงค์ นั่นเอง

    ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ปฏิเสธไม่ได้ว่า อดีตกำปั้นทีมชาติไทยรายนี้ คือนักชกอันดับต้นๆของวงการอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะสร้างชื่อเสียงและความสำเร็จให้กับประเทศชาติจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เรื่องราวนอกสังเวียนของเขา ก็ตกเป็นข่าวในด้านลบแบบไม่นับถ้วนเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของผู้หญิง ที่เข้ามาพัวพันในชีวิตแบบไม่ซ้ำหน้า จนทำให้วีระบุรุษเหรียญทองโอลิมปิก 2004 รายนี้ ได้รับการขนานนามจากสื่อมวลชนในยุคนั้นว่า "คาสโนว่าผืนผ้าใบ"

    อย่างไรก็ตาม ด้วยความอิจฉริยะในการชก จึงทำให้ชื่อของ มนัส บุญจำนงค์ กลายเป็นนักกีฬาไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้ 2 สมัย ประกอบด้วยเหรียญทองโอลิมปิก 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และเหรียญเงินโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

    ย้อนเวลากลับไปในวัยเด็ก คงไม่มีใครกล้าที่จะคิดว่า เด็กชายมนัส เมื่อ 30 กว่าปีก่อน จะกลายเป็นนักชกวีระบุรุษเหรียญทองโอลิมปิกในเวลาต่อมา เนื่องจากในตอนนั้น คุณพ่อและคุณแม่ ไม่ได้สนับสนุนให้ชกมวยแต่อย่างใด เพราะอยากให้ลูกเรียนหนังสือมากกว่า เพื่อที่จะได้เป็นเจ้าคนนายคนในภายภาคหน้า

    มนัส ได้กล่าวว่า ในตอนนั้น ตนเหมือนเด็กทั่วไป วิ่งเล่นรักสนุกกับเพื่อนๆ ที่ตำบลพงสวาย อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี โดยมีเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ข้างบ้านตัวเอง เป็นลูกเจ้าของค่ายมวย ดังนั้นตนจึงไปวิ่งเล่นที่ค่ายมวยแห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง กระทั่งคุณพ่อของเพื่อนคนนี้ ที่เป็นเจ้าของค่ายมวย ได้จับให้เจ้าตัวสวมนวม เพื่อเป็นคู่ชกให้กับลูกชายของเขา พอได้ชกกัน ตนเองสู้เพื่อนไม่ได้ จึงร้องไห้เป็นประจำ จนกระทั่งครู ประจักษ์ ปานสวัสดิ์ ครูมวยที่อยู่ในค่ายนี้ รู้สึกเอ็นดูและสงสาร จึงช่วยสอนมวยให้ ซึ่งในตอนนั้น เจ้าตัวมีอายุเพียง 8 ขวบ

    นอกจากครูประจักษ์ จะสอนมวยให้กับเขาแล้ว ยังสอนให้กับน้องชายตนเองอย่าง นน บุญจำนงค์ อีกด้วย ก่อนที่ในเวลาต่อมา น้องชายคนนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นนักชกทีมชาติไทยเช่นกัน จากการซ้อมมวยที่ค่ายแห่งนี้ทุกวัน จึงทำให้ในที่สุด คุณพ่อและคุณแม่ ได้ทราบความจริงจนได้ ว่าลูกชายทั้ง 2 แอบมาซ้อมมวย ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านห้ามมาโดยตลอด จนครูประจักษ์ ต้องเข้าไปช่วยพูดคุย และได้กล่าวว่าทั้ง มนัส และ นน มีแววของการเป็นนักมวยด้วยกันทั้งคู่ 

    อีกทั้ง การเป็นนักมวย ยังจะได้โควตาเข้าเรียนโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดราชบุรี โดยไม่ต้องสอบแข่งขันอีกต่างหาก จึงทำให้คุณพ่อและคุณแม่ใจอ่อน ยอมให้ลูกชายทั้งคู่ เป็นนักมวยตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    นับจากนั้น มนัส และน้องชาย ได้ตระเวนชกตามเวทีต่างๆ ในจังหวัดราชบุรี, นครปฐม และกาญจนบุรี จนกระทั่งพอได้เข้ามาศึกษาต่อในโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ได้ผันตัวเองมาชกมวยสากลสมัครเล่นอย่างเต็มตัว เนื่องจากโรงเรียนแห่งนี้ เป็นสถาบันสอนมวยสากลสมัครเล่นเป็นหลัก 

    พออายุ 15 ปี ซึ่งในนั้นอยู่ชั้น ม.2 มนัส สามารถผ่านการคัดเลือก จนเป็นตัวแทนจังหวัดราชบุรี เข้าร่วมการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ในกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 11 ที่จังหวัดสงขลา เมื่อปี พ.ศ.2538 ได้สำเร็จ

    ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 2004 ได้กล่าวถึงในช่วงนั้นว่า ตนเองเกือบตัดสินใจไม่ไปชกในกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งนั้นแล้ว เพราะทางจังหวัดไม่สนใจใยดีแต่อย่างใด ด้วยการให้ตนเองนั่งรถไฟไปแข่งที่จังหวัดสงขลาเพียงคนเดียว โดยไม่ได้สนับสนุนอะไรทั้งสิ้น 

    ทว่าคุณพ่อไม่ยอม ท่านอยากให้ไปชก จึงบังคับทุกอย่างเพื่อให้เจ้าตัวไปชกที่สงขลาให้ได้ บังคับถึงขั้นไม่ยอมให้เข้าบ้าน จึงทำให้ตนเองต้องตากฝนอยู่นอกบ้าน จนในท้ายที่สุดต้องยอมนั่งรถไฟไปชกที่สงขลา โดยไม่ได้ซ้อมเลย เนื่องจากไม่มีกะจิตกะใจที่จะซ้อม

    อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ได้เกิดเรื่องที่เหลือเชื่อขึ้นเมื่อ มนัส บุญจำนงค์ ที่นั่งรถไฟไปแข่งที่สงขลาแบบไม่ได้ซ้อม จะเอาชนะคู่ชกแบบขาดลอยทุกรอบ จนคว้าเหรียญทองมาครองอย่างเหลือเชื่อ อีกทั้งยังสามารถคว้ารางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมมาครองอีกด้วย

    และที่เซอร์ไพรซ์ยิ่งกว่านั้นก็คือ ฮวน ฟอนตาเนียล โค้ชมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทยชาวคิวบา ได้ไปดูการชกในครั้งนั้นด้วย แล้วเกิดความประทับใจการชกของ มนัส ขึ้นมา จึงทาบทามให้นักชกหนุ่มวัยเพียง 15 คนนี้ เข้าไปอยู่ในแคมป์ทีมชาติด้วย

    มนัส บุญจำนงค์ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า เหมือนโชคชะตาได้ลิขิตไว้ เพราะตนเองจะไม่ไปชกที่สงขลาอยู่แล้ว แต่พอไปชก ชีวิตจึงเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือ ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย

    จากการได้เข้าไปอยู่ในแคมป์ทีมชาติ ได้ทำให้เขาได้ร่วมซ้อมลงนวมกับรุ่นพี่หลายคน อาทิ สมรักษ์ คำสิงห์, วิชัย ราชานนท์, ประมวลศักดิ์ โพธิ์สุวรรณ และคนอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะไปเก็บตัวที่ไหน ฮวน ฟอนตาเนียล จะพา มนัส ไปเป็นคู่ซ้อมกับนักชกรุ่นพี่โดยตลอด จึงทำให้เขาได้ซึมซับเชิงชกจากรุ่นพี่ๆมาอย่างต่อเนื่อง

    จนกระทั่งในซีเกมส์ครั้งที่ 22 เมื่อปี พ.ศ.2546 ที่ประเทศเวียดนาม มนัส บุญจำนงค์ ได้ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก ในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวต 64 กิโลกรัมชาย พร้อมกับคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ

    ก่อนที่อีก 1 ปีต่อมา จะสร้างเซอร์ไพรซ์ ด้วยการคว้าเหรียญทองกีฬาโอลิมปิก 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน พร้อมกับกลายเป็นวีระบุรุษนักชกเหรียญทองโอลิมปิกตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

    มนัส ที่เพิ่งอายุ 40 ปีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้กล่าวว่า ความสำเร็จในโอลิมปิก 2004 ได้ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นบุคคลที่คนทั้งประเทศรู้จักภายในพริบตา ชื่อเสียงและเงินทอง ไหลมาเทมาแบบไม่ขาดสาย จนทำให้เด็กหนุ่มวัย 24 ปี ตั้งหลักไม่ทัน

    นักชกเมืองโอ่งมังกร ได้ย้อนความหลังในครั้งนั้นว่า ตนเองนำเงินที่ได้จากการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก หมดไปกับการเที่ยวกลางคืนหลายต่อหลายครั้ง 

    ช่วงนั้นมีรุ่นพี่อย่าง สมรักษ์ คำสิงห์ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 1996 รวมไปถึงโค้ช และผู้ใหญ่ในสมาคมมวยสากลสมัครเล่นอีกหลายคน ออกมาเตือนเกี่ยวกับการใช้เงิน แต่ตนเองก็ไม่ฟัง เนื่องจากอยากใช้ชีวิตให้สนุก ชดเชยช่วงที่เป็นวัยรุ่น ที่ซ้อมมวยเป็นประจำทุกวัน จนไม่ได้เที่ยวแบบนี้

    นอกจากจะท่องราตรีอยู่บ่อยครั้ง ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 2004 ยังมีข่าวพัวพันกับผู้หญิงที่ไม่ซ้ำหน้า จึงทำให้ภาพลักษณ์ของเขา กลายเป็นเพลย์บอย ในสายตาแฟนกีฬาชาวไทย และมักจะโดนสื่อมวลชนหลายสำนักในสมัยนั้น โจมตีเป็นประจำ เกี่ยวกับการขาดซ้อม เพราะมัวแต่ไปยุ่งเกี่ยวกับสุรานารี 

    อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นข่าวด้านลบแค่ไหน แต่ด้วยความอัจฉริยะ จึงทำให้ มนัส บุญจำนงค์ เป็นนักชกความหวังอันดับต้นๆของทีมกำปั้นไทยมาโดยตลอด และได้รับการคัดเลือกให้ไปชกรายการสำคัญแทบทุกครั้ง จึงทำให้เขา สามารถคว้าเหรียญทอง ในกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 15 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อปี พ.ศ.2549

    ก่อนที่อีก 2 ปีต่อมา จะสร้างประวัติศาสตร์ กับการเป็นนักกีฬาไทยคนแรก ที่คว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2 สมัย ในการคว้าเหรียญเงินโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อปี พ.ศ.2551

    มนัส ได้กล่าวว่า เขาไม่ได้ขี้เกียจซ้อม เหมือนที่สื่อหลายสำนักในยุคนั้นรายงานแต่อย่างใด แต่เขามีความรู้สึกว่า หากได้ซ้อมทุกวัน เขาจะชกไม่ออก ร่างกายจะแข็งทื่อ ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายตามที่จินตนาการได้ ดังนั้นในแต่ละทัวร์นาเมนต์ ตนเองจะซ้อมก่อนไปชกประมาณ 2-3 เดือนเท่านั้น ไม่ได้ซ้อมเป็นปีเหมือนกับคนอื่น ซึ่งเรื่องนี้ โค้ชทุกคนต่างรู้เป็นอย่างดี

    ในปัจจุบัน อดีตนักชกเพลย์บอยรายนี้ ได้เลิกใช้ชีวิตเสเพลแล้ว พร้อมกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่ จนสามารถเลิกดื่มสุรามานานกว่า 2 ปี โดยสาเหตุที่เลิก เพราะทุกครั้งที่ดื่มจนมึนเมา จะมีปัญหาทะเลาะกับแฟนขั้นรุนแรงทุกครั้ง จนคิดได้ จึงตัดสินใจเลิกดื่มแบบถาวร และไม่คิดที่จะกลับมายุ่งเกี่ยวกับสุราเมรัยอีก

    สำหรับหน้าที่การงานในปัจจุบัน ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 2004 ได้เป็นเทรนเนอร์สอนมวยที่เมืองจูไห่ ประเทศจีน แต่ด้วยผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จึงทำให้เจ้าตัวบินกลับไทย และมาสอนมวยที่ครูดามยิมของ ดาม ศรีจันทร์ อดีตนักเทควันโดทีมชาติไทย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของตนเอง

    มนัส ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า หากผู้ใหญ่ในสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทยให้โอกาส ตนเองก็พร้อมที่จะเข้าไปเป็นผู้ฝีกสอนให้กับทีมมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย เพื่อถ่ายทอดทักษะและประสบการณ์การชก ให้กับนักมวยรุ่นหลัง


    ถิรพัฒน์ ณ ลำปาง
 

มนัส บุญจำนงค์ตำนานนักชกเพลย์บอยอัจฉริยะแห่งวงการกำปั้นไทย
มนัส บุญจำนงค์ตำนานนักชกเพลย์บอยอัจฉริยะแห่งวงการกำปั้นไทย
มนัส บุญจำนงค์ตำนานนักชกเพลย์บอยอัจฉริยะแห่งวงการกำปั้นไทย
มนัส บุญจำนงค์ตำนานนักชกเพลย์บอยอัจฉริยะแห่งวงการกำปั้นไทย
มนัส บุญจำนงค์ตำนานนักชกเพลย์บอยอัจฉริยะแห่งวงการกำปั้นไทย
มนัส บุญจำนงค์ตำนานนักชกเพลย์บอยอัจฉริยะแห่งวงการกำปั้นไทย
มนัส บุญจำนงค์ตำนานนักชกเพลย์บอยอัจฉริยะแห่งวงการกำปั้นไทย
อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
เพิ่มเพื่อน

Let's block ads! (Why?)



"มีชื่อเสียง" - Google News
June 24, 2020 at 02:41PM
https://ift.tt/2Z51r4U

มนัส บุญจำนงค์ตำนานนักชกเพลย์บอยอัจฉริยะแห่งวงการกำปั้นไทย - สยามกีฬา
"มีชื่อเสียง" - Google News
https://ift.tt/36UBHvx

No comments:

Post a Comment