รูปปั้นของบุคคลสำคัญหรือผู้มีชื่อเสียงในอดีตซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในที่สาธารณะนั้น ได้ถูกผู้สร้างและประชาชนบางคน “ประดิษฐ์วาทกรรมอย่างสวยหรู” เรียกเป็น “อนุสาวรีย์” โดย “ผู้ชื่นชอบ”เกียรติประวัติของบุคคลดังกล่าว ต่างเชิดชูและเคารพรูปปั้นนั้นอย่างทั่วถึง
ในขณะที่ “ผู้เห็นต่าง” และ “เกลียด” ประวัติด่างที่ถูกจารึก ก็จะไม่ใส่ใจกับรูปปั้นนั้น แต่ก็ไม่ถึงขั้น “ชิงชัง” และ “โกรธแค้น” จนต้องเฮโลกันไปทุบทำลาย
เมื่อโลกโคจรมาสู่ “ยุคใหม่” โฮโมซาเปี้ยนส่วนใหญ่ต่าง “หวงแหนในสิทธิเสรีภาพและความคิดอิสระของตนเอง”
ประกอบกับทุกประเทศในโลกต่างกลายเป็น “พหุสังคม” เพราะต่างมีพลเมืองหลากหลายเชื้อชาติ แตกต่างทั้งด้านวัฒนธรรม อุดมการณ์และการดำเนินชีวิต จึงเป็นยุคที่ “มนุษย์ไม่ยอมทนกับความอยุติธรรม” และ “ไม่เชื่อในตำนานหลอกลวงที่ถูกสร้างขึ้น”
ดังนั้น “เมื่อประเทศใดเกิดเหตุการณ์ทางสังคมอย่างรุนแรงเกิดความขัดแย้ง และสะท้อนถึงความโหดร้าย ต่ำทราม และ
อยุติธรรม ที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือองค์กรทุกภาคส่วน ประชาชนก็จะดาหน้าออกมาต่อต้านแบบไม่กลัวตาย และอาจลามปามไปไกลถึงขั้นทุบทำลายรูปปั้นของบุคคลผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งเชื้อร้าย”
เห็นได้จาก “ยุคคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกล่มสลาย สหภาพโซเวียตถูกโหลดเตี้ยเหลือเป็นแค่ประเทศรัสเซีย ฝูงชนที่ออกมาต่อต้านเผด็จการ ก็ได้โค่นล้มทำลายรูปปั้นของเลนินและสตาลิน”
การ “ทุบทิ้งรูปปั้นของผู้มีอำนาจในอดีต” ของประเทศอื่นๆ ก็เคยเกิดขึ้นเช่นกัน แต่ไม่ได้กลายเป็น “ข่าวใหญ่” ระดับ “ฟ้าผ่า” เหมือนที่รัสเซียทุบทิ้ง “รูปปั้นเจ้าพ่อคอมมิวนิสต์”
แต่จู่ๆ โลกวันนี้ก็ได้มีการ “ทุบทิ้งรูปปั้นคนดัง” หลายรายติดต่อกัน อันเป็นผลพวงเกิดจากการประท้วง “4 ตำรวจชั่ว” ที่ฆาตกรรม “จอร์จ ฟลอยด์” ชายผิวสีอย่างโหดเหี้ยมกลางถนนเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม กลางเมืองมินนิอาโปลิส
“น้ำผึ้งหยดเดียว” ที่โปลิศผิวขาวชื่อ “ดีเร็ค โชววิน”ก่อขึ้นทำให้เกิดการประท้วง “ลัทธิเหยียดผิว” กระจายไปทั่วโลก
ที่อังกฤษ รูปปั้นของ “เจ้าพ่อค้าทาส” ชื่อ “เอ็ดเวิร์ด โคลสตัน”ถือเป็นสัญลักษณ์ของ “ปีศาจเหยียดผิว” ถูกโค่นล้ม โยนลงแม่น้ำอย่าง “สะใจ” ผู้ประท้วง
ที่สหรัฐอเมริกา รูปปั้นของ “คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส” ผู้เปิดโลกให้ชาวผิวขาวออกไล่ล่าอาณานิคมและต่อท่อให้มีระบบค้าทาสตามมาถูกทุบทำลายไปเมื่อสามวันก่อน
รูปปั้นของ “นายพลลี” แม่ทัพฝ่ายใต้ ได้ถูกทุบทำลายไปหลายปีแล้ว ล่าสุด “รูปปั้นประธานาธิบดี เจฟเฟอร์สัน เดวิส”ของฝ่ายใต้ในยุคสงครามกลางเมือง และรูปปั้นนักการเมืองคนดังอีก 4 คน ที่สนับสนุนการค้าทาส ก็ถูกฝูงชนทุบทำลายทิ้ง
สัจธรรมที่นักปราชญ์หลายชาติมักพูดถึงคือ “ความดีไม่มีวันตาย แต่ความจัญไรและชั่วร้ายไม่เคยอยู่อมตะ”
เห็นได้จาก “รูปปั้นที่เป็นสัญลักษณ์ของความจัญไร”ได้ถูกผู้คนทุบทิ้งไปอย่างต่อเนื่อง
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
"มีชื่อเสียง" - Google News
June 15, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/2Y0kk9z
คอลัมน์การเมือง - ทุบทิ้งรูปปั้น - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
"มีชื่อเสียง" - Google News
https://ift.tt/36UBHvx
No comments:
Post a Comment